fbpx

เช็คให้ชัวร์ ผิวแห้งและผิวขาดน้ำต่างกันยังไง ?

      มีหลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับความแตกต่างของปัญหา “ผิวแห้ง” และ “ผิวขาดน้ำ” เพราะเหมารวมคิดว่าทั้งสองอย่างคือสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมีความแตกต่างกันค่ะ

     “ผิวแห้ง” (Dry skin) คือ สภาพผิวที่ “ขาดความมัน” อาจมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นาน สิ่งระคายเคืองลอดผ่านผิวได้ง่าย ส่งผลให้ผิวมีอาการแห้งตึงหรือคัน ไปจนกระทั่งแห้งกร้านและลอกเป็นขุย ผิวจะอยู่ในสภาพที่บอบบาง แพ้ง่ายและแห้งอยู่เสมอโดยไร้ซึ่งความมันหรือความชุ่มชื้น ส่วนมากผิวแห้งจะเป็นสภาพผิวที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นปัญหาที่เกิดตามอายุและโรคผิวหนังบางประเภท

     “ผิวขาดน้ำ” (Dehydrated skin) คือ ภาวะปัญหาผิวที่ขาดความชุ่มชื้นหรือขาดน้ำใต้ผิวอย่างเพียงพอ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวผสม หรือแม้กระทั่งผิวมัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สภาพอากาศ มลภาวะภายนอก รวมไปถึงการรับประทานอาหารเป็นต้น

     อาการผิวขาดน้ำนั้น หากเรามองแบบผิวเผินอาจดูไม่ค่อยต่างจากผิวแห้งสักเท่าไหร่ โดยสิ่งที่ผิวขาดน้ำแตกต่างจากผิวแห้งอย่างชัดเจนก็คือ มีสภาพผิวที่ทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกันนั่นเองค่ะ ถ้าลองสังเกตดีๆ ผิวขาดน้ำจะมีสภาพที่อ่อนล้า ดูหมองคล้ำไม่สดใส เห็นริ้วรอยได้ชัดเจนเนื่องจากผิวสูญเสียคอลลาเจน ลูบแล้วรู้สากผิวไม่นุ่มมือ และอาจทำให้มีการผลิตน้ำมันบนผิวมากเกินไปเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ผิวสูญเสียการทำงาน จึงทำให้ผู้ประสบปัญหาผิวแห้งและผิวขาดน้ำนี้มีแนวโน้มกลายเป็นผิวที่ Sensitive หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสมนั่นเองค่ะ

วิธีสังเกตว่าตัวเองผิวขาดน้ำ / ผิวแห้งแล้วหรือยัง ?

อาการผิวขาดน้ำ

  • ผิวมีความมันเคลือบ แต่ใต้ผิวแห้ง หยาบกร้าน
  • ผิวระคายเคืองง่าย รู้สึกผิวไม่แข็งแรง
  • ผิวทั้งแห้ง ทั้งมัน ในเวลาเดียวกัน
  • แต่งหน้าไม่ติด เครื่องสำอางไม่เข้าหน้า มีอาการผิวหน้าขาดน้ำ
  • มีปัญหาสิว
  • ผิวหมองคล้ำ

อาการผิวแห้ง

  • ผิวรู้สึกแห้ง ตึง โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ
  • ผิวหนังหยาบกร้าน เห็นเป็นริ้ว ๆ ดูโทรม
  • ลูบผิวแล้วรู้สึกสาก ไม่นุ่มเรียบเนียน
  • ผิวระคายเคืองง่าย มีอาการแดง ลอกเป็นขุย
  • มีอาการคันตามผิวหนัง

วิธีการรักษาผิวแห้งและผิวขาดน้ำ

วิธีการรักษาผิวขาดน้ำ

  • ก่อนอื่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ และสม่ำเสมอ เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นระดับเซลล์โดยธรรมชาติ (Natural Moisturizer)
  • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้โฟมล้างหน้ามีฟอง และเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว หรือมีสารสกัดธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้
  • รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น
  • ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เลิกบุหรี่
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อรักษาสมดุลการไหลเวียนโลหิต
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

วิธีการรักษาผิวแห้ง

  • รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 และวิตามิน เอ ซี อี เพื่อบำรุงผิวแห้งให้ชุ่มชื้น
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าและผิวกายสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแห้ง
  • ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้น บำรุงผิว และใช้ครีมเนื้อขี้ผึ้งเพื่อปกป้องไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว
  • ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

หากรู้กันแล้วว่าผิวแห้งและผิวขาดน้ำมีอาการแบบไหนก็อย่าลืมสังเกตผิวหน้าตัวเองกันด้วยนะคะ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลผิวแล้ว ผิวหน้ายังไม่ดีขึ้นนั่นอาจแปลว่าจริงๆ แล้วเรามีสภาพผิวแห้งไม่ได้มีปัญหาผิวขาดน้ำ และปัญหาผิวสองอย่างนี้หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ผิวสูญเสียการทำงานมีแนวโน้มกลายเป็นผิวที่ Sensitive หากไม่มีการดูแลที่เหมาะสม จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและรับคำแนะนำเรื่องการดูแลผิวและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง