fbpx

มารู้จัก Innerset คอลลาเจนพร้อมดื่มกัน!

คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนังที่จะช่วยให้โครงสร้างผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน ทำให้ได้มีผลิตภัณฑ์คอลลาเจนทั้งทาภายนอก และกินบำรุงจากภายในออกมามากมายเพื่อที่จะใช้ในการทดแทนคอลลาเจนที่จะสูญเสียไปเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น เราจึงขอชวนมาดูกันว่าอาหารที่มีคอลลาเจนนั้นคืออะไรบ้าง? และควรกินคอลลาเจนอย่างไรถึงจะดีต่อร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้

คอลลาเจนคืออะไร ?

คอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง โดยมีสัดส่วนสูงถึง 80 % ทำหน้าที่คล้ายกับกาวและเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อ โดยคอลลาเจนจะอยู่ที่ผิวหนังชั้นล่าง (ชั้นหนังแท้ หรือ dermis) ฉะนั้นการทาครีมทั่วไปจะไม่มีผลโดยตรงถึงคอลลาเจนในผิวหนัง โดยในร่างกายคนเรามีคอลลาเจนมากถึง 16 ชนิด โดยชนิดที่เราจะสามารถพบได้บ่อย คือ

คอลลาเจน 4 ชนิดที่คุณควรรู้จัก

  1. คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในร่างกาย ช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
  2. คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
  3. คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) เป็นชนิดที่มักจะพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด
  4. คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับชนิดที่ 1 หรือใต้ชั้นผิวหนัง และในเนื้อเยื่อของทารกในระหว่างตั้งครรภ์

จะเห็นได้ว่าคอลลาเจนกระจายอยู่ทั่วร่างกายของเรา โดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างและสลายคอลลาเจนในปริมาณที่สมดุลกัน แต่เมื่อเรามีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงประมาณร้อยละ 1 ต่อปี ในขณะที่อัตราการสลายคอลลาเจนยังเท่าเดิม ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความแข็งแรงของผิวลดลงเมื่ออายุมากขึ้น และอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าเมื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังลดลงก็จะเกิดริ้วรอย

ประโยชน์ของคอลลาเจน

หลายคนคงเกิดความสงสัยว่าถ้ากินคอลลาเจนไปแล้วจะมีผลดีอย่างไร ซึ่งมีหลายงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับคอลลาเจนแสดงให้เห็นว่าคอลลาเจนมีประโยชน์ ดังนี้

  1. ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ความฟู และลดความหยาบกร้านของผิว
  2. ช่วยทำให้ริ้วรอยที่เห็นได้ชัดดูจางลง
  3. ลดการเปราะแตกของเล็บ
  4. ช่วยชะลอการสลายของมวลกระดูก เมื่อกินคู่กับแคลเซียมและวิตามิน ดี
  5. ช่วยเรื่องสุขภาพของข้อต่อในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ลดอาการปวดข้อต่อ เป็นต้น

ซึ่งการกินคอลลาเจนให้ได้ผลดี แนะนำว่าควรเลือกคอลลาเจนสายสั้น (hydrolyzed collagen) เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่ผ่านการไฮโดรไลซ์ (hydrolysis) จนมีขนาดที่เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย และกลายเป็นองค์ประกอบของการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย โดยปริมาณของคอลลาเจนที่กินใน 1 วันโดยให้ผลที่ดีและและปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงคือ 2.5 – 15 กรัม

วิธีเลือกกินอาหาร ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน

เราสามารถเลือกการกินอาหารที่ช่วยชะลอการสลายและมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย และนี่คือ 6 เทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายอยู่กับเราไปนาน ๆ

  1. กินโปรตีนต่อวันต้องเพียงพอ ทำให้สร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ อย่างที่รู้กันแล้วว่าคอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่ง ดังนั้นการกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือ ธัญพืชต่าง ๆ ให้เพียงพอความต้องการต่อวัน หรือ 1 – 1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้าหากเรามีน้ำหนักตัวที่ 50 กรัม แสดงว่าเราต้องกินโปรตีนให้ได้ 50 – 60 กรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับการเลือกกินเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ ปลา ให้ได้รวม ๆ กันประมาณ 200 – 250 กรัม การกินโปรตีนที่เพียงพอ ร่างกายจะย่อยเป็นกรดอะมิโนเพื่อนำไปสร้างเป็นคอลลาเจนไปใช้ประโยชน์ต่อสภาพผิว ข้อเข่า หรือมวลกระดูก นอกเหนือจากการนำไปปรับสมดุลของโปรตีนในร่างกายนั่นเอง
  2. กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน ซี เพราะวิตามิน ซี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่ช่วยชะลอการสลายของคอลลาเจน โดยแหล่งของวิตามิน ซี คือ ผักและผลไม้ต่าง ๆ เช่น ฝรั่ง ผักคะน้า บรอกโคลี สตรอเบอร์รี่ ส้ม แอปเปิ้ลแดง มะนาว เบอร์รีชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
  3. กินอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน เอ เพราะวิตามิน เอ ช่วยกระตุ้นการเติบโตของไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินของร่างกาย ที่ทำให้ผิวพรรณยังเต่งตึง โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามิน เอ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอทมะละกอสุก เป็นต้น
  4. กินอาหารที่เป็นแหล่งวิตามิน อี เพราะวิตามิน อี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานคู่กับวิตามิน ซี โดยแหล่งของวิตามิน อี คือ น้ำมันพืชต่าง ๆ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังพบใน ถั่วอัลมอนด์ อาโวคาโด มะม่วง กีวี เป็นต้น
  5. หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน เพราะน้ำตาลจะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชัน (glycation) ที่จะส่งผลให้คอลลาเจนเสียรูปร่างและไม่ยืดหยุ่นแบบที่ควรเป็น
  6. ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน น้ำเปล่าเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำไม่พอการสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงไปด้วย ขอแนะนำ

Innerset Collagen Konjac Jelly Peach

Innerset collagen Konjac jelly (by Huons Natural)

เจลลี่บุกผลิตด้วยนวัตกรรมเกาหลี ช่วยคุมหิว ดูแลผิว เสริมภูมิคุ้มกัน ผสมคอลลาเจน 1,000 mg พร้อมวิตามินซี 140 mg เที่ยบเท่ามะนาว 7 ลูก ช่วยบำรุงผิว แคลต่ำ เพียง 10 Kcal ไม่มีน้ำตาล ได้ทั้งหุ่น ได้ทั้งผิวครบจบในซองเดียว มี3รสชาติให้ได้ลอง รสพีช รสแอปเปิ้ล และรสองุ่นเขียว น้ำผลไม้แท้ๆ 100% หอมอร่อย เนื้อเจลลี่นุ่ม ที่สำคัญ ปลอดภัย มีเลขจดแจ้ง อ.ย. ไทย