fbpx

ปัญหาลำไส้ จบได้ด้วยพรีไบโอติก

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) สองคำนี้เหมือนกันหรือไม่?

ในร่างกายของเรานั้นมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ จุลินทรีย์ที่ไม่ก่อประโยชน์และโทษและจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย หากเกิดความผิดปกติในร่างกาย อาจส่งผลต่อสมดุลของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในทางเดินอาหาร

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายในท้องตลาดเกี่ยวกับการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกาย โดยคำคุ้นหูที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งคือ “โพรไบโอติกส์” และ “พรีไบโอติกส์” มีความแตกต่างกัน ดังนี้

โพรไบโอติกส์คืออะไร ?

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์ขนาดเล็กซึ่งจัดเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ชนิดดี สามารถพบได้ในอาหาร เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโสะ เป็นต้น ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร ให้คำจำกัดความว่า โพรไบโอติกส์ คือ “จุลินทรีย์ที่มีชีวิต เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้สุขภาพดีในภาวะต่างๆ โดยเป็นจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่าง สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้แล้วผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ รวมถึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้”

พรีไบโอติกส์คืออะไร ?

พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออาหารชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งไม่มีชีวิต ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ที่ลำไส้เล็ก อาหารเหล่านี้จึงสามารถเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ได้ในรูปไม่เปลี่ยนแปลง และจะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ ทำให้กระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของแบคทีเรีย พบได้ในหัวหอม กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วแดง ไฟเบอร์ในผักและผลไม้ต่าง ๆ เป็นต้น

กล่าวง่ายๆ ก็คือ พรีไบโอติกส์เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์นั่นเอง ดังนั้นหากรับประทานอาหารพวกพรีไบโอติกส์ก็จะช่วยส่งเสริมฤทธิ์โพรไบโอติกส์ได้ดียิ่งขึ้น

ทำไมเราถึงควรได้รับโพรไบโอติกส์เสริม?

            โพรไบโอติกส์จัดเป็นจุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นหรือ normal flora อย่างหนึ่งในทางเดินอาหาร หากร่างกายมีสุขภาพดีก็จะมีการรักษาสมดุลจุลินทรีย์ให้เป็นปกติ แต่ถ้าหากมีอะไรไปรบกวนสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย  จุลินทรีย์ประจำถิ่นในลำไส้ถูกรุกราน อาจเกิดผลกระทบตามมาได้

                ลองจินตนาการดู หากร่างกายได้รับยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานาน ยาเหล่านี้ส่งผลให้จุลินทรีย์ในร่างกายมีจำนวนลดลง เมื่อร่างกายมีการรับเชื้ออื่นซึ่งอาจก่อโรคเข้ามา อาจมีโอกาสสูญเสียจุลินทรีย์ดีในร่างกายได้

ดังนั้นการสร้างสภาวะความสมดุลระหว่าง normal flora และร่างกายนั้นจึงมีความสำคัญ ซึ่งการรับประทานโพรไบโอติกส์จึงเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งในการเสริมจุลินทรีย์ชนิดดีและรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย

มีจุลินทรีย์ใดบ้างที่จัดอยู่ในกลุ่มโพรไบโอติกส์?

ในปัจจุบันโพรไบโอติกส์ที่เราพบเห็นกันได้ในท้องตลาดมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผงแป้ง (Powders), รูปแบบแคปซูล (Capsules), รูปแบบยาเม็ดเคี้ยว (Chewable tablets), รูปแบบสารละลาย(Solution drops) หรือรูปแบบยาเหน็บช่องคลอด (Vaginal Tablets) โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีวีธีการเก็บรักษาและประกอบไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์ที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเชื้อที่พบเห็นได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ดังนี้

  • เชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ กลุ่ม Lactobacillus spp. เป็นแบคทีเรียที่เกาะติดลำไส้และ Bifidobacterium spp. เป็นแบคทีเรียที่ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร สามารถอยู่ในลำไส้ได้นาน เช่น Bifidobacterium longumBifidobacterium bifidum, Lactobacillus acidophilusBifidobacterium infantisLactobacillus casei subsps, และ Lactococcus lactis เป็นต้น
  • เชื้อยีสต์ เช่น Saccharomyces boulardii เป็นต้น

พรีไบโอติกส์ในท้องตลาดมีรูปแบบใดบ้าง?

พรีไบโอติกส์ที่พบเห็นในท้องตลาดนั้น ส่วนใหญ่มักจะพบในรูปแบบผงแป้ง (Powders) ประกอบไปด้วยสารประกอบเชิงซ้อนของคาร์โบไฮเดรต เช่น สารกลุ่มอินูลินและฟรุกโตโอลิโกแซ็กคาไรด์หรือในบางผลิตภัณฑ์อาจจำหน่ายในรูปแบบสูตรผสม ประกอบด้วยโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ในตัวเดียวผลิตภัณฑ์เดียวกัน

บทบาทของโพรไบโอติกส์ในร่างกายมีอะไรบ้าง?

                โพรไบโอติกส์มีบทบาทมากมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่างๆ ในร่างกาย ดังนี้

  • ป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคจับที่ผิวเยื่อบุลำไส้ โดยการสร้างเกราะป้องกันบริเวณเยื่อบุลำไส้
  • ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อฉวยโอกาสในร่างกาย
  • กระตุ้นระบบการย่อยอาหารโดยการสร้างเอนไซม์หลากหลายชนิด
  • ช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายที่เสียไป
  • เหนี่ยวนำการกระตุ้นการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้มีการสร้างสารป้องกันและกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เข้าสู่ภาวะสมดุลได้

โพรไบโอติกส์มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร?

จากการศึกษาพบว่าโพรไบโอติกส์มีประโยชน์ในการรักษาหรือช่วยบรรเทาความผิดปกติต่างๆ ของร่างกาย เช่น

โรคระบบทางเดินอาหาร อาการลำไส้แปรปรวนกรดไหลย้อนท้องผูก, ท้องร่วงจากการติดเชื้อ, ท้องร่วงอันเกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน, ภาวะไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตส
โรคภูมิแพ้ผื่นแพ้ผิวหนัง, ภูมิแพ้อากาศ
โรคทางอวัยวะสืบพันธุ์ภาวะติดเชื้อในช่องคลอด, ช่องคลอดแห้งหลังหมดประจำเดือน
โรคทางระบบทางเดินปัสสาวะภาวะติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ

ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์หลากหลายมากขึ้น โดยมีการปรับสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่เหมาะสมและเสริมฤทธิ์กันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์ โดยประเภทและสายพันธุ์ของโพรไบโอติกส์ที่ต่างกันล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

คุณประโยชน์ของพรีไบโอติกประกอบไปด้วย 6 ประการ ดังนี้

(1) พรีไบโอติกเสริมสร้างการดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียม จุลินทรีย์ในลำไส้จะผลิตกรดไขมันสายสั้นที่ช่วยดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียม

(2) พรีไบโอติกทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ช่วยกระตุ้นการทำงานของแมกโครเฟจ(macrophages) ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในทางเดินอาหารดีขึ้น

(3) พรีไบโอติกป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ป้องกันอาการท้องเสีย เพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ลดโอกาสการติดเชื้อในลำไส้

(4) พรีไบโอติกช่วยดูดซับสารพิษในทางเดินอาหาร ไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และทำให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่าย ปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้

(5) พรีไบโอติกช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ใยอาหารพรีไบโอติกจะถูกหมักด้วยจุลินทรีย์ในลำไส้ เกิดเป็นกรดไขมันสายสั้น กระตุ้นการหลั่งสาร GLP-1 ในกระแสเลือด ทำให้สมองรับรู้ความรู้สึกอิ่มและสบายท้อง

(6) พรีไบโอติกช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคระบบหัวใจ และโรคหลอดเลือด ช่วยดักจับไขมันและน้ำตาลในทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันช้าลง

.

การรักษาลำไส้ให้ ‘สมดุล’ ด้วยการรับประทานพรีไบโอติก หรืออาหารที่ช่วยหล่อเลี้ยงจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง เพราะเมื่อลำไส้มีความสมดุล มีจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีมากกว่าจุลินทรีย์ที่ไม่ดี ระบบทางเดินอาหารจะทำงานได้เป็นปกติ ปัจจุบันมี ผลิตภัณฑ์พรีไบโอติก เป็นตัวช่วยให้ผู้ที่ทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ไม่เพียงพอ ได้เสริมพรีไบโอติกให้กับร่างกาย ข้อสำคัญในการเลือกซื้อ คือคำแนะนำจากแพทย์และผู้บริโภคควรศึกษาส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นให้ดีเสียก่อนตัดสินใจรับประทาน

Pitch Prerotic Plus

อาหารเสริมที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายเป็นปกติในทุกๆวัน ไม่ปวดบิด ไม่ถ่ายเหลว ไม่ถ่ายทั้งวัน แต่ช่วยให้ขับถ่ายเป็นปกติ อุจจาระเป็นก้อน ขับถ่ายครั้งเดียวจบ ในทุกเช้า รวมไปถึงช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วยเนื่องจากมีวิตามิน CและE ที่ช่วยในเรื่องปกป้องผิวจากแสงแดด ผิวไม่คล้ำเสียง่าย เพียงชงกับน้ำเปล่าวันละ 1 ซอง ก่อนนอน รสชาติหวานหอมอร่อย ทานง่าย ไม่เฝื่อน คอนเฟิร์ม

cr. https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2019/probiotics-and-prebiotics